ความเห็น: 0
น้ำผึ้งหยดเดียว กับ สงครามกลางเมือง
ช่วงนี้ไอแค่ก ๆ หลังจากนอนซมหลายวันก่อนโน้น
ไอแบบนี้ ทำให้นึกถึงว่า ถ้าเมิ่อก่อน คงจิบน้ำผึ้งเหยาะมะนาว
เดี๋ยวนี้ทำได้แค่บีบมะนาวลงคอไปตรง ๆ ไม่ต้องใช้น้ำผึ้งมันละ
แล้วเหยาะเกลือตาม
หูยยยยย์ แค่นึกก็ซาบซ่าน
ตอนกำลังอาบน้ำ ก็ไอ แล้วนึกถึงน้ำผึ้ง แล้วก็นึกเลยเถิดไปถึงวลี น้ำผึ้งหยดเดียว ทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ขึ้นมา
(คือจากน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วเกิดปรากฎการณ์แบบ ลุกลามบานปลาย หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดสงครามกลางเมือง)
แต่พอลองพิจารณาดูดี ๆ วลีนี้ โทษน้ำผึ้งหยดเดียวมากไปหน่อย เหมือนที่บอกว่า ฟางเส้นสุดท้าย ทำให้ลาหลังหัก อะไรทำนองนั้น
คือ สงครามกลางเมืองมันจะเกิดของมันอยู่แล้ว ก็เพียงแต่หาน้ำผึ้งรับบาป จับมาบูชายัญ เท่านั้นเอง
เชื่อว่า ไม่มีน้ำผึ้ง มีแต่น้ำบูดู หรือมีแต่น้ำพริกแมงดา คนมันอยากรบกัน มันก็หาข้ออ้างมาใช้เพื่อมารบกันอยู่ดีนั่นแหละ
เพียงแต่ถ้าไม่มีข้ออ้างเกริ่นนำ อยู่ดี ๆ มารบกัน มันจะดูกุ๊ยไปหน่อย ต้องทำให้ดูไฮโซ ด้วยการสร้างข้ออ้างเสริมความชอบธรรม
ฝรั่งใช้คำว่า rationalization
ไทยใช้คำว่า "สีข้างเข้าถู"
ลองย้อนไปดูสงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ได้
ผลจากการลอบสังหารคนสำคัญทางการเมืองหนึ่งคน ทำให้หลายชาติจับขั้วเพื่อรบกันทั้งโลก มันดูเหลือเชื่อนัก
แต่มันก็เกิดขึ้น ท้งที่มันดูเหลือเชื่อ
สิ่งที่เป็น คือหลายชาติเหล่านั้น มีแนวโน้มจะรบกันเองอยู่แล้ว เหมือนสุมเชื้อเพลิงดินระเบิด รอแค่ใครมาจุดชนวนเท่านั้น
สถานการณ์ตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คล้ายกับว่า ถ้าหมาของเพื่อนบ้านหลุดมากัดลูกเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง แล้วคนในหมู่บ้านก็แยกเป็นแก๊งยกพวกมาฆ่าล้างบางฝ่ายตรงข้าม โทษฐานไม่ดูแลหมา หรือโทษฐานคบค้ากับบ้านที่ไม่ดูแลหมา
เกิดแบบนี้ แสดงว่า ในหมู่บ้านนั้น มันโหยหาความอยากตีกันหรือฆ่ากันได้ที่อยู่ก่อนแล้ว รอแค่ใครมารจุดชนวนเท่านั้นเอง
พอกรรมการเ่ป่านกหวีดปรี๊ด มันก็จึงรีบออกมา ราวี ! ราวี !
เวลาน้ำจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำแข็ง ตอนที่อุณหภูมิมันเย็นได้ที่ แค่ทำให้เย็นต่ออีกนิดเดียว น้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง ไม่ใช่เพราะเราทำให้มันเย็นอีกนิดเดียว แต่เป็นเพราะมันเย็นของมันอยู่แล้ว พร้อมแล้ว ที่จะเกิดน้ำแข็ง ด้วยการทำให้เย็นอีกแค่นิดเดียว
เวลาเราดูองค์กรไหนก็ตาม ทะเลาะเบาะแว้ง ด้วยเรื่องปัญหาสิว ๆ ลองดูในอีกมุมหนึ่ง ว่า ไม่ใช่เพราะปัญหาสิว ๆ หรอก ที่ทำให้คนตีกัน
จริง ๆ แล้ว แสดงว่าคนในองค์กรนั้น เค้าพร้อมจะตีกันอยู่ก่อนแล้ว อยากจนตัวสั่นได้ที่ แล้วปัญหาสิว ๆ บังเอิญผ่านมา ก็ได้โอกาสหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในการตีกันต่างหาก
การที่คนมันพร้อมจะตีกันนี่ มองให้ถึงที่สุด คือมันค่อย ๆ สะสมเรื่องที่ทำให้อยากทะเลาะกัน เพิ่มไปเรื่อย ๆ สุมสะสมทบไว้ จนเกือบถึงจุดระเบิด
เพิ่มยังไม่ถึงระดับ ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีเรื่อง
เรื่องน่ะ มี แต่ยังไม่เป็นเรื่อง
มันแค่รอ น้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะทำให้คนตีกัน
มันแค่รอ ฟางเส้นสุดท้าย ที่จะทำให้ลาหลังหัก
การตีกัน จึงเป็นผลบั้นปลายของสงครามไร้สภาพที่ก่อหวอดมาก่อนแล้วเท่านั้นเอง
เริ่มต้นจากการไอแค่ก ๆ ไถลไปได้ไกลเหมือนกันแฮะเรา ^ ^
เรื่องนี้ ไม่ได้มีข้อสอนใจอันใด เป็นเพียงบทรำพึงในห้องน้ำธรรมดา
เพลง งัวน้อย ของวง กระท้อน อาจสะท้อนให้เห็นฉากจบของเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « แก้ปัญหา USB External Harddisk ท...
- ใหม่กว่า » เตรียมมอบบันทึกส่งต่องาน (4) สรุ...
ร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้