ความเห็น: 5
วุ้นในลูกตาเสื่อม คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน
คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากใย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดกต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก็คือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?)
'การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามากๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ! ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม (คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ)
ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก?
ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต, เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอนเพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่
แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) (จอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ)
การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ
แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู ) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆ ตัวอย่างเช่นกรณีเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน ! สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ
รวมทั้งเวลาการเปิดใช้โปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีขาวสว่าง (ที่ นิยมก็คือ ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว) สีพื้นที่สว่างจ้านี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็คนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อย ๆมักจะมีการปรับแสงสว่าง เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ
ภาพแสดงของจอประสาทตาที่หลุดลอกออกมาแยกชั้นออกจากส่วนหลังของลูกตา
สรุปก็คือ
1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย'
2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย
3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย '
4. การปรับจอภาพที่! มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย' (คล้ายๆ กับการเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน)
5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! (จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกิน
ระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่ อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา)
ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสาร ที่ใช้ในการอ่านการเขียนทั่วไปจึงมีขนาด A4 ?
คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดีกับการกวาดสายตามอง และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่าทำไมขนาดของจอคอมคุณที่ใช้ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง
ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวันนั้น จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดอาการรุนแรงเพราะกว่าจะรู้ตัวแล้วไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่า คุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!!
‘คอมพิวเตอร์นั้น มีไว้สำหรับการค้นหามูล ไม่ได้มีไว้สำหรับการอ่านเป็นประจำ โดยเฉพาะการอ่านอะไรก้อตามที่ยาวๆ เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นไดอารี่หนังสือบนเนตคุณเสี่ยงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราควรจะกลับมาอ่านหนังสือกระดาษกันเหมือนเดิมลืมเรื่องเล่นเนต เล่นคอมซะเพื่อสุขภาพตา’
คนที่เพิ่งจะเริ่มสังเกตเห็นอาการนี้เป็นครั้งแรก แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ครับ เพื่อตรวจดูว่าเริ่มมีจอประสาทตาลอก/วุ้นลูกตาลอกแล้วหรือยัง ถ้าแพทย์บอกว่ายังไม่มี เป็นแค่วุ้นลูกตาเสื่อมธรรมดา ก็สบายใจได้ แต่ไม่ใช่สบายจนลืมระวังตัวนะครับ ต้องคอยสังเกตตัวเองด้วยว่าถ้าเห็น Flashing กับ Floater ปริมาณมากกว่าเดิมแบบเฉียบพลัน ควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้งครับ
ในคนปกติจะมีการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาอย่างช้าๆ อยู่ตลอดเวลาครับ แต่จะมีอาการเร็วหรือช้าก็ขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงของแต่ละคนอีก
คนเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาได้เร็วกว่าคนทั่วไป
การป้องกัน
จากที่ได้อ่านที่ดอสโพสไว้ การใช้สายตาให้น้อยลงก็อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ป้องกันการเกิดได้นะ แต่ว่าในบทความของต่างประเทศส่วนใหญ่จะไม่ได้กล่าวถึงส่วนนี้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การรู้จักอาการของโรค และระวังตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเริ่มสังเกตเห็น Flashing หรือ Floaters ก็ควรพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีจอประสาทตาหรือวุ้นลูกตาลอกเกิดขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้โรคดำเนินไปถึงจุดที่อันตรายนั่นเอง
การเห็น Floater ถือเป็นความผิดปกติ นะครับ แต่การที่เพิ่งมองเห็นเป็นครั้งแรก ปริมาณไม่มากนัก และได้พบจักษุแพทย์เพื่อยืนยันแล้วว่าไม่มีการเกิดจอประสาทตาหรือวุ้นลูกตาลอก เป็นเพียงแค่วุ้นลูกตาเสื่อม นี่คือไม่อันตรายครับ
แต่ถ้าเห็นFloater หรือ Flashing ปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม อันนี้ต้องเริ่มสงสัยครับว่าโรคได้ดำเนินต่อไปถึงขั้นที่มีการลอกแล้วหรือเปล่า ถ้าปล่อยไว้นานโดยไม่ใส่ใจถึงปริมาณที่เพิ่มขึ้นอยู่ อาจเป็นอันตรายได้ ซึ่งต้องรีบพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจครับ
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « ล้างองุ่น
- ใหม่กว่า » สมุนไพร แก้เสียงแหบแห้ง
ความเห็น
อื่ม! กำลังกลัวอยุ่พอดีเลยค่ะ อ.คนธรรมดา ของ Teddy จะมีอาการเหมือนวุ้นใส ๆ ในลูกตามันพองเต็มตา แต่พักนึงก็ยุบ เป็นหลายหนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นส่วนนึงของอาการด้วยรึเปล่า
แล้วตอนนี้สายตาก็ทั้งสั้น ยาว เอียง แต่ใส่แว่นแล้วไม่ดีขึ้น(แว่นสายตาสั้น เพราะเพิ่งรู้ว่าสายตายาวเมื่อไม่นานมานี้) คงต้องตัดแว่นแบบสองสายตาแบบแว่นผู้สูงอายุ ก็เลยไม่ใส่แว่นเลย
เฮ้อ! เพิ่งจะมีปัญหาเรื่องสายตาช่่วง 5-6 ปี มานี้แหละค่ะ Teddy อยู่หน้าเครื่องทั้งวันทั้งคืนด้วยสิ
ตอนนี้เข้าใจผู้สูงอายุทั้งหลายแล้ว เดี๋ยวนี้ตัวเองเวลาอ่านพวกสลากข้างขวดตัวเล็ก ๆ ก็ต้องใช้แว่นขยายด้วย สังขารไม่เที่ยงจริง ๆ เศร้า (T T )
อ่านแล้วน่ากลัวมา คิดว่าอาการ "ปกติ" ที่เป็น มันจะไม่อันตราย
ความเคยชินทำให้เรามองข้ามไป
เรื่องที่เราชาชิน อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
สงสัยต้องไปพบแพทย์บ้างแล้วมังเนี้ย
คุณ Teddy คงต้องไปพบจักษุแพทย์นะครับ เรื่องแบบนี้ห้ามเสี่ยงครับ
อาการของผมนั้นตรงกับบันทึกนี้เลย คือเริ่มจากการมีเส้นใยสีดำปรากฎ และมันก็สลายตัวไป แต่ก็ทำให้ภาพขุ่น ๆ ไม่ชัดเหมือนเดิม
เรื่องสายตาสั้นและยาวนี้เป็นความ "ไม่สะดวกสบาย" ของคนมีอายุครับ ผมก็ขัดใจมาก เพราะเดี๋ยวถอดเดี๋ยวใส่แว่นตอนอ่านหนังสือ ทำให้ทำงานช้าลงไปอีกมาก
รีบ ๆ ไปหาหมอนะครับ
ขอบพระคุณค่ะ อ.คนธรรมดา คิดว่าต้องหาเวลาไปหาหมอบ้างแล้ว เพราะจริง ๆ อาการ Floaters นี่ ตัวเองก็เป็นมานานมากแล้ว แต่คิดว่าปกติ กระทั่งวุ้นในตามันพองนี่แหละ เลยเริ่มกลัวว่าตัวเองเป็นอะไร จนมาอ่านเจอโรควุ้นในลูกตาเสื่อม ก็คิดว่าตัวเองต้องเป็นแน่ ๆ เลย เคยมีอาการปวดตาแบบระบมเหมือนเป็นตากุ้งยิงนานเป็นสองสามวันด้วยแต่ปวดทั้งสองข้างแล้วไม่ได้เป็นตากุ้งยิง พอไปหาหมอหมอบอกว่าไม่เป็นอะไร ใช้สายตามากไป ให้พักสายตา แล้วมันก็หายไปเอง .. ตอนนี้เริ่มกลัว ๆๆ เพราะไม่ได้ดูแลสุขภาพเลย นอกจากตาแล้ว ยังปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเมื่อยทั้งตัว คลอเรสเตอรอลสูง เหอ ๆ อาการหนักน่าดู
10 ตุลาคม 2554 16:04
#69491
ก็มันเกิดขึ้นแล้วนี่ครับ
ก็ขอบคุณที่นำข้อมูลนี้มาเล่าต่อครับ ตอนนี้ผมมีวุ้นในตาทั้งสองข้างแล้ว เกิดขึ้นที่ละข้าง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสูงอายุ หรืออ่านหนังสือมนคอมพ์มาก? หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ก็ไปพบจักษุแพทย์อยู่เป็นประจำแล้วครับ มีการนัดพบเป็นระยะ ๆ