ความเห็น: 9
ครองตน ครองคน ครองงาน(ตอนจบ)
จากบันทึกเรื่องการครองตน ครองคน ครองงาน ฉบับที่ผ่านมาได้นำเสนอวิถึคิดในการทำงานตลอด 10 ที่ผ่านมา ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเริ่มจากการเล่าวิถึคิดเรื่องการครองตน กล่าวโดยสรุปคือ ครองตน โดย ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะเชื่อว่า แบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน2 เป็นข้าราชการพันธุ์ใหม่ที่ไม่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม (เย็นนะ...2-3ชาม เป็นอย่างน้อย555.....) และหากมีใครกล่าวว่าทำงานราชการสบาย ก็จะตอบกลับว่า เราคือข้าราชการพันธุ์ใหม่ และกล่าวต่อว่าเดี๋ยวนี้ข้าราชการไทยเค้าพัฒนาแล้ว
วันนี้มาว่ากันต่อให้จบ หลักการครองตน ครองคน ครองงาน เรื่องการครองคน...อันนี้นอกจากจะครองคนและต้องครอบครองหัวใจของนักศึกษาให้อยู่หมัดด้วย ถึงจะสำเร็จ
การครองคน ในการปฏิบัติราชการสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจครั้งแรกในชีวิตการรับราชการคือการได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคลากรขวัญใจนักศึกษา เพราะรางวัลดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นว่าเราได้รับการยอมรับในด้านความสามารถการติดต่อการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ให้บริการแก่ผู้มาติดต่อด้วยความเต็มใจ ความเสมอภาค เป็นกันเอง และสุภาพต่อทุกคน ซึ่งรางวัลดังกล่าวนำมาซึ่งโอกาสในการสร้างความสามัคคีและการทำกิจกรรมร่วมกันของหมู่คณะทั้งในและนอกหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะผู้บังคับบัญชา บทบาทด้านการครองคน ได้เริ่มจากการได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้างานกิจการนักศึกษาและรักษาการหัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนวิชาการตามลำดับ โดยได้ใช้โอกาสที่ได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเองโดยการนำความรู้และประสบการณ์มาถ่ายทอดต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และควบคุม กำกับดูแลให้สามารถปฏิบัติราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ สนับสนุน ส่งเสริม กระตุ้น สร้างแรงจูงใจในการเห็นคุณค่า ให้ คำปรึกษาและชี้ให้เห็นความสำคัญของงานทุกงานในกลุ่มงานที่เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ต้องมีฟันเฟืองทุกตัวคอยรับ ประสานกันให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไป ขาดงานใดงานหนึ่งไม่ได้ ทุกตำแหน่ง หน้าที่ มีความสำคัญ มีคุณค่าและมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป และแม้กระทั่ง ตนเองยังคงต้องอาศัยการเรียนรู้งานและรับฟังทุกความคิดเห็น ที่สะท้อนการทำงานในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานฯเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเพราะมี แนวคิดหลักในการทำงานว่า ความสำเร็จของการทำงาน ร้อยละ80 เกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของคนในองค์กร การทำงานมิใช่เป็นเพียงลูกน้องกับเจ้านายแต่ยังหมายรวมถึงความเป็นพี่เป็น น้องด้วย และหากมีความแตกต่างด้านความคิดก็เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งสามารถรับฟังจุดอ่อนและจุดแข็งของตนเองจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
ดังนั้นการทำงาน หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆในฐานะผู้บังคับบัญชา จึง ยึดมั่นในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ทุกคน และตัดสิน วินิจฉัยแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลยึดถือหลักการทำงานว่า “ความถูกต้องมาก่อนความถูกใจ” และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา มีหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานทั้งงานประจำ ให้ข้อคิดเห็นประกอบการตัดสินใจ มีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะและยอมรับผลการประเมินทั้งด้านจุดเด่นและจุดด้อยจากผู้บังคับบัญชา เพื่อการปรับปรุงพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดการว่าด้วยเรื่องการครองงาน ที่ถือว่าสำคัญและหนักหน่าสาหัสเอาการทีเดียว เพราะงานกิจการนักศึกษานั้นต้องอาศัยทักษะหลายด้านในการปฏิบัติงานซึ่งไม่มีอยู่ในตำรำเล่มไหน ต้องอาศัยประสบการณ์และอเอาใจเข้าสู้จริงๆถึงจะเอาอยู่ ลองอ่านดูนะคะ การครองงาน ได้ นำหลักธรรม คำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาสมาใช้เพื่อเป็นแสงนำทางในการปฏิบัติราชการ นั่นคือ ธรรมะคือหน้าที่ ดังนั้นหากเราปฏิบัติหน้าที่ของตนเองในบทบาทต่างๆให้ดีแล้วนั้น นั่นย่อมแสดงว่าเราได้ปฏิบัติธรรมทุกวัน และคุณค่าของงานหรือความสำเร็จของงานนั้นอยู่ที่เราได้มีโอกาส ทำงานเพื่องาน ตลอดระยะเวลา 10 ปีในการปฏิบัติราชการได้มีหลักคิดว่า ไม่มีนักศึกษาไม่มีเรา ความสำเร็จของ นักศึกษาคือความภาคภูมิใจและความสำเร็จของเรา ดังนั้นในการทำงานจะยึดนักศึกษาเป็นศูนย์กลางให้ความสำคัญในการพัฒนานักศึกษา โดยเชื่อว่า หากครูอาจารย์เป็นผู้สอนวิชาการแล้วกิจการนักศึกษาสอนวิชาชีวิต
ดังนั้น เราต้องอุทิศและทุ่มเทเวลาให้มากกว่าปกติเพราะก่อนที่เราจะได้ใจใครมาเราต้องให้ใจเค้าก่อน และมีหลักคิดในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่องว่า “พัฒนางานเพื่อพัฒนา นักศึกษา” ภายใต้งบประมาณที่จำกัดมิได้เป็นอุปสรรคในการทำงานแต่อย่างใด ดังจะเห็นได้จากในปี 2544 ได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอ แนวคิดในการทำหนังสือปฐมนิเทศรวมทั้ง 5 วิทยาเขต ด้วยแรงบันดาลใจประการแรกมาจากเพลงเขตรั้วสีบลูตอนหนึ่งที่ว่า ผูกพันมั่นเกลียวร่วมสายเลือดเดียวสงขลานครินทร์ ประการที่สอง เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณเพราะการทำหนังสือยิ่งมากยิ่งถูกและการทำหนังสือรับน้องและหนังสือปฐมนิเทศทีมีเนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนกันดังนั้นหากนำนักศึกษาและมหาวิทยาลัยมาทำงานร่วมกันงานจะเป็นหนึ่งเดียวประการที่สาม ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และประการสุดท้ายได้สร้างเครือข่ายผู้ปฏิบัติงาน 5 วิทยาเขตให้เข้มแข็งซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับการยอมรับจากทั้ง 5 วิยาเขตตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันการทำหนังสือปฐมนิเทศยังคงทำงานร่วมกันทั้ง 5 วิทยาเขตมาอย่างต่อเนื่อง
จากความร่วมมือดังกล่าวได้ขยายผลสร้างความร่วมมือในการพัฒนางานต่างๆมาต่อเนื่องเช่น งานด้านกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา การเสริมสร้างสมรรถนะนักศึกษากลุ่มผู้นำกิจกรรม กีฬา 5 วิทยาเขต โครงการหอพักสัญจร และได้ริเริ่มจุดประกายแนวคิดผู้นำนักศึกษาในการริเริ่มโครงการสัมมนาองค์การนักศึกษา 5 วิทยาเขต ซึ่งเขตการศึกษาสุราษฎร์เป็นผู้ริเริ่มและเป็นเจ้าภาพในการจัดครั้งแรก ตลอดจนขยายเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยเขตการศึกษาสุราษฎร์เป็นผู้ริเริ่มจัดสัมมนาเครือข่ายผู้นำสถานบันอุดมศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ ซึ่งปัจจุบันจนเป็นโครงการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันประจำปีที่สลับหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพ
ในระยะแรกของการเปิดหลักสูตรปริญญาตรีของเขตการศึกษาสุราษฎร์ ยังคงไม่เป็นที่รู้จักจากหน่วยงานภายนอกและต่างหน่วยงานในสถาบันเดียวกัน จึงมีแนวคิดว่าเราต้องสร้างนักศึกษาเพื่อสร้างการยอมรับและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยฯ โดยสนับสนุน ส่งเสริม กระตุ้นและสร้างแรงจูงใจนักศึกษาให้ดึงศักยภาพของตนเองออกมา ทั้งในการสนับสนุนการจัดกิจกรรม การเข้าร่วม แข่งขันประกวดต่างๆ แม้ในระยะแรกทรัพยากรด้านต่างๆของหน่วยงานไม่เพียงพอ สามารถปฏิบัติงานในภาวะที่มีข้อจำกัดความขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์และอัตรากำลัง ได้อย่างดี ก็ไม่ได้อุปสรรคแต่อย่างใด ดังนั้นการทำงานจึงต้องศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ สนใจเอาใจใส่ รับผิดชอบงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช่ความรู้ ความสามารถทั้งจากการศึกษาในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทตลอดจนความรู้จากการฝึกอบรมสัมมนาต่างๆมาบูรณาการเพื่อคิดสร้างสรรค์และปรับปรุงงานโดยหาหลักการ วิธีการใหม่ๆในการทำงาน สิ่งที่สำคัญต้องอุทิศเวลาและเสียสละกำลังกายและกำลังทรัพย์ในการทำงานด้วยความกระตือรือร้น เพราะคิดเสมอว่าต้องทำงานให้สำเร็จและให้ได้ดีด้วย โดยใช้เครือข่าย 5 วิทยาเขต เครือข่ายศิษย์เก่าและนักศึกษาปัจจุบัน ในการประสานเพื่อให้ นักศึกษาได้มีโอกาสเทียบเท่านักศึกษาคณะต่างๆในการทำงาน
ตลอดเวลา10 ปีที่ผ่านมา จึงคิดเสมอว่า ปัญหาอยู่ที่ไหนก็แก้ที่นั่นโดยนำหลักอริยสัจสี่ มาไตร่ตรอง และหาแนวทางแก้ไข ซึ่งสรุปว่า“ปัญหามา ปัญญาเกิด” อุปสรรคมีไว้ฝ่าฟัน ท้อได้แต่อย่าถอย แม้งานหนักไม่มีใครเห็นแต่ใจเราเย็นก็เป็นสุขได้
เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้.....
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « Safe Sex & No Sex
- ใหม่กว่า » หอพักนักศึกษาที่เห็นและควรเป็น
ความเห็น
ตอบขอบคุณเช่นเคยที่แวะเวียนเข้ามาทักทายและทิ้งร่องรอยกันเอาไว้ที่สำคัญบันทึกฉับบนี้มีคำชื่นชมแถมมาด้วย ปลื้มอีกแล้วคะ
ตอบ เป็นแฟนที่ติดตามกันมาอย่างต่อเนื่อง หากห่างหายไปคงคิดถึงแย่เลย...แต่ไหงปล่อยให้ คนธรรมดามาเร็วแบบไม่ธรรมดาไปได้ อย่างนี้ สมรรถนะลดลงหรือเปล่านี่...ยังไงก็ขอบคุณหลายๆเด้อค่าๆๆๆๆๆๆๆที่ติดตามกันมา
- ยอดเยี่ยมเลยน้องสาวเรา
- สาธุๆๆๆๆๆๆๆ ขอให้เจริญยิ่งๆๆ ขึ้นไปนะคะ
- นี่แหละบุคลากรตัวอย่างของสงขลานครินทร์ อ่านแล้วช่างสะท้อนได้สะใจพี่อี๊ดดีจัง
![]() |
ดีใจมากค่ะที่ได้อ่านบันทึกของพี่ การครองตน ครองคน ครองงานมันยากมาก น้องได้รับคัดเลือกจากจังวัดปัตตานี(ลูกจ้าง)เป็นคนดีศีรสาธารณสุขต้องนำดสอนผลงานสู่กระทรวง ได้อ่านบันทึกของพี่เลยได้นำเป็นแนวทางในการตอบคำถามและเป็นแนวทางสู่ปฏิบัติงาน ให้งานที่เราได้รับผลบรรลุเป้าหมาย อย่างที่ว่าท้อได้แต่อย่าทอย ชอบมากค๋ะ ทำงานเพื่องานใครไม่เห็นเรา ใจเราเย็นไปสุขได้ พี่คงไม่วานะค่ะที่น้องใช้คำพูดที่พี่บันทึก ขอบคุณมากหากชนะคัดเลือดได้รับโลห์พระราชทานนจากพระองค์โสม ส่วนหนึ่งยกความดีให้พี่ค่ะ
25 มกราคม 2551 18:39
#16816
สาธุ
(^_^) บันทึกได้น่าอ่านจังครับ