อ่าน: 3061
ความเห็น: 8
ความเห็น: 8
ความรู้ดีดีที่อยากแบ่งปัน
ทราบหรือไม่ว่าเลือดที่ได้รับจากการบริจาค เขาจะทำการตรวจสอบหาโรคที่ติดต่อทางเลือด
วันนีได้รับเมล์จากน้องที่หวังดี เห็นว่ามีประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ และกัลยาณมิตร เลยอยากแบ่งปัน
หากใครมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ช่วยกันนำเสนอนะคะ
"ทราบหรือไม่ว่าเลือดที่ได้รับจากการบริจาค เขาจะทำการตรวจสอบหาโรคที่ติดต่อทางเลือดทันทีหลังจากได้รับบริจาค แต่โรคเอดส์นั้นไม่สามารถตรวจสอบเจอได้
ถ้าหากว่าผู้บริจาคเพิ่งจะไปเ่ที่ยวมา หรือโีรคอยู่ในระยะฟักตัว
ตามปกติโรคเอดส์จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 6 เดือน
แต่เลือดที่ได้รับจากการบริจาคจะีมีอายุการใช้งานแค่ 3 เดือนนับจากวันรับบริจาค
ถ้าเกินจากนี้เขาจะเอาไปใช้่ประโยชน์อย่างอื่นแทน
ดังนั้นทางโรงพยาบาลจะไม่สามารถตรวจเจอได้เลย เช่น
หลังจากผู้ป่วยรับเลือดไปแล้ว ถ้าเลือดนั้นมีเชื้อเอดส์ มันก็จะฟักตัวประมาณ 6 เดือน
หลังจากนั้นจึงจะแสดงอาการ หรือตรวจพบในผู้ที่ได้รับเลือด
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราต้องรับการผ่าตัด (ที่ไม่ใช่การผ่าตัดที่จำเป็นต้องทำทันที)
เราควรจะใช้เลือดตัวเองในการผ่าตัดจะดีที่สุด คือ ก่อนที่จะผ่าตัด
เราควรจะไปให้เลือดเราไว้กับทางโรงพยาบาล 1 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด
แล้วใช้เลือดเราเองในการผ่าตัด ก็จะทำให้เราไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ดีที่สุด
ทราบหรือไม่ว่าเลือดที่ได้รับจากการบริจาค เขาจะทำการตรวจสอบหาโรคที่ติดต่อทางเลือด
ทันทีหลังจากได้รับบริจาค แต่โรคเอดส์นั้นไม่สามารถตรวจสอบเจอได้
ถ้าหากว่าผู้บริจาคเพิ่งจะไปเ่ที่ยวมา หรือโีรคอยู่ในระยะฟักตัว
ตามปกติโรคเอดส์จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 6 เดือน
แต่เลือดที่ได้รับจากการบริจาคจะีมีอายุการใช้งานแค่ 3 เดือนนับจากวันรับบริจาค
ถ้าเกินจากนี้เขาจะเอาไปใช้่ประโยชน์อย่างอื่นแทน
ดังนั้นทางโรงพยาบาลจะไม่สามารถตรวจเจอได้เลย เช่น
หลังจากผู้ป่วยรับเลือดไปแล้ว ถ้าเลือดนั้นมีเชื้อเอดส์ มันก็จะฟักตัวประมาณ 6 เดือน
หลังจากนั้นจึงจะแสดงอาการ หรือตรวจพบในผู้ที่ได้รับเลือด
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราต้องรับการผ่าตัด (ที่ไม่ใช่การผ่าตัดที่จำเป็นต้องทำทันที)
เราควรจะใช้เลือดตัวเองในการผ่าตัดจะดีที่สุด คือ ก่อนที่จะผ่าตัด
เราควรจะไปให้เลือดเราไว้กับทางโรงพยาบาล 1 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด
แล้วใช้เลือดเราเองในการผ่าตัด ก็จะทำให้เราไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ดีที่สุด"
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับเพื่อนนะคะ..........
สร้าง: 29 ตุลาคม 2550 09:13
แก้ไข: 29 ตุลาคม 2550 10:29
[ แจ้งไม่เหมาะสม ]
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « กินยาแล้วนอนทันทีอาจตายได้
- ใหม่กว่า » เคล็ดลับการวินิจฉัยอาการเส้นโลหิ...
ความเห็น
ในชีวิตอิมยังไม่เคยบริจาคเลือกเลยค่ะ (กลัวเข็มมากๆๆๆๆๆๆๆ)T_T หวังว่าชาตินี้อย่าเป็นอะไรไปนะจ้ะ(บอกกับตัวเอง) อิอิ
- ก่อนหน้านี้พี่บริจาคโลหิตทุกปี
- เขาว่าได้อนิสงฆ์นักมากกว่าบริจาคอย่างอื่น
- อีกอย่างทำให้เราสร้างเม็ดโลหิตใหม่ (เอาเลือดไม่ดีออกไป) อ้อ....อันนี้ไม่ใช้ ล้อเล่นน่า
- ช่วงนี้อายุมากขึ้นไม่ไหว การบริจาคทำให้สูญเสียธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ผู้สูงอายุต้องการค่ะ
![]() |
ที่ฝรั่งเศสเขาจะส่งผล อื่นๆ เช่น จำนวนฮีโมโกบิลเกล็ดเลือด หรือ ผลแล็บมาให้ด้วยน่ะค่ะ
![]() |
ดีจังเลยนะ เขาช่วยตรวจสอบให้เราด้วย จะได้บอกต่อ ๆ กัน เผื่อคนที่อยู่ในเมืองไทยไม่ทราบว่าต่างประเทศเขามีบริการสิ่งนี้ด้วย
![]() |
ขอบพระคุณยิ่งสำหรับข้อความครับ
เพื่อการตอบแทน
1. บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาดเมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือนอาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง
ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย
จนมาถึงคำถามสุดท้าย.. "สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร ?"
ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง
เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า 50
แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร ?
ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้ายก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า
คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่
"แน่นอน" อาจารย์ตอบ"เพราะเมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย
ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่
แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"2. บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝนคืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง
ยืนอยู่ริมทางหลวงสายบามา ต้านฝนที่ตกหนักอยู่รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมากแม้จะเปียกโชก
เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ
ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่60ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่
แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วยเจ็ดวันหลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยความประหลาดใจ
โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบ มาด้วยใจความว่า:"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น
ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย
แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่ กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี
ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ"ด้วยความจริงใจ
นางแนท คิง โคล3. บทเรียนสำคัญที่สาม – ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอในสมัยที่ไอศกรีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก
เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะเมื่อพนักงานเสิร์ฟวางแก้วนั้นลงตรงหน้า
เด็กชายก็ถามว่า "ไอศกรีมซันเดย์ ราคาเท่าไหร่ครับ ?""ห้าสิบเซ็น" พนักงานเสิร์ฟสาวตอบแล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วก็นับเหรียญในมือ
"งั้นไอศกรีมเปล่าๆล่ะครับ ราคาเท่าไหร่?" เด็กชายถามอีกตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน
"สามสิบห้าเซ็น" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง"ผมขอไอศกรีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก
แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศกรีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไปเด็กชายทานไอศกรีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไปเมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ
บนโต๊ะนั้นมีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญ
และเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างถ้วยไอศกรีมเปล่านั้นเห็นไหมว่า ที่เด็กชายไม่ทานไอศกรีมซันเด
เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้น4. บทเรียนสำคัญที่สี่ – สิ่งที่กีดขวางทางของเราในยุคโบราณมีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง
เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่
เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทางเมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา
ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป
พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานาที่พระองค์
ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี
แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทางจนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา
เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง
แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทางหลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา
ก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่
ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา
เขียนไว้ว่า "ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน"ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้
ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา"5. บทเรียนสำคัญที่ห้า – ให้เมื่อมันมีค่าหลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็นโอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ
ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์
จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมาหมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง
และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า
"ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้"เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว
ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้มของเธอหน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป
เด็กชายมองไปที่หมอ และถามด้วยเสียงสั่นเครือ" ผมกำลังจะตายใช่ไหม?"
ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไปเด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาแก่พี่สาว เพื่อช่วยชีวิตเธอซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม "ทำงานให้เหมือนกับคุณไม่ต้องการเงินรักให้เหมือนกับคุณไม่มีวันจะเจ็บปวดกับมันและเต้นรำให้เหมือนกับไม่มีใครมองคุณอยู่"
ข้อมูลอาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
29 ตุลาคม 2550 10:43
#720