ความเห็น: 0
จิตแพทย์แนะ 5 วิธีรักษาสมดุลทางร่างกาย-จิตใจ
เรามักได้ยินคำว่า “สมดุล” ของร่างกายในหลายโอกาส ซึ่งมักจะเข้าใจว่าเป็นเฉพาะเรื่องทางกายเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการรักษาความสมดุลนั้นเป็นเรื่องของจิตใจด้วย
ซึ่งในเรื่องนี้ นพ.ลัญฉน์ศักดิ์ อรรฆยากร จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ผู้ซึ่งได้ศึกษาเพิ่มเติมทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนและการฝังเข็มเพื่อการสร้างความสมดุลให้ร่างกายและจิตใจได้ให้ข้อมูลว่า ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับเรานั้นมีสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ การเสียสมดุลของร่างกายและจิตใจ โดยมีปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อม มลพิษ สารเคมี ฝุ่นละออง และเชื้อโรค รวมถึงการดำเนินชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบ แข่งขันทำให้เกิดผลต่อจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือซึมเศร้า
แม้ว่าธรรมชาติร่างกายของเราจะมีกลไกในการปกป้องและรักษาตนเองจากการเจ็บป่วยได้แต่การรักษาสมดุลของทั้งร่างกายและจิตใจน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันการเจ็บป่วย ทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้เซลล์และอวัยวะภายในร่างกายมีความสมบูรณ์ แข็งแรง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
จิตแพทย์อธิบายเพิ่มเติมว่า ร่างกายและจิตใจจะต้องมีความสมดุลกัน จึงจะทำให้คนเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์ ไม่เจ็บไม่ป่วย มีความสุข ทั้งการทำงาน และการดำเนินชีวิต แต่เมื่อใดกายและใจเกิดไม่สมดุลกันแล้ว ก็จะทำให้เกิดผลกระทบขึ้นได้
นพ.ลัญฉศักดิ์ อธิบายการเจ็บป่วยตามแนวแพทย์แผนจีน ว่า เมื่อใดก็ตามที่จิตใจมีภาวะไม่ปกติเสียสมดุลก็จะส่งผลให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการดูแลรักษาด้วยตัวเอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหรืออาการผิดปกติได้หลายอย่าง อาทิเช่น เป็นแผลร้อนในบ่อยๆ เนื่องจากเกิดความร้อนขึ้นที่ตับและหัวใจ จึงแสดงออกที่อวัยวะภายนอก มีแผลร้อนในที่ปาก ปากแดง ลิ้นแดง ตาแดง เพราะตาถือเป็นอวัยวะทวารเปิดของตับ หากมีความร้อนที่ปอดก็จะออกมาทางจมูกและผิวหนัง มีผื่นภูมิแพ้ที่ผิวหนัง เป็นสิวเรื้อรัง รวมถึงโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง กรดไหลย้อน ท้องอืดอาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย นอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น อารมณ์ปรวนแปร อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจเกิดอาการซึมเศร้า มีความคิดทำร้ายร่างกายตนเอง และคิดฆ่าตัวตายได้ หลายคนเมื่อเกิดอาการเหล่านี้ก็จะรักษาไปตามอาการโดยการรับประทานยา เมื่อหายแล้วสักพักก็จะเกิดอาการขึ้นซ้ำอีก เพราะเมื่อหากร่างกายหายเป็นปกติสมบูรณ์แล้ว แต่จิตใจยังมีปัญหาอยู่ ไม่ได้รับการแก้ไขเรื่องความไม่สมดุล ก็จะทำให้เกิดความเจ็บป่วยขึ้นอีก
จิตแพทย์ได้แนะวิธีการสร้างสมดุลด้านจิตใจและร่างกาย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยมี 5 ข้อหลักๆ ดังนี้
1. หมั่นออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีระบบภูมิต้านทานที่ดี อวัยวะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยทำให้หัวใจและปอดแข็งแรง เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำให้โอกาสเส้นเลือดอุดตันลดลงส่งผลดีต่อระบบการย่อยและการขับถ่าย ทั้งยังช่วยทำให้นอนหลับสนิทหลับได้นานอีกด้วย
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรทานอาหารที่เป็น กรดหรือด่างมากจนเกินไป แต่ถ้าเมื่อไรที่ร่างกายและอวัยวะภายในมีความร้อนอาหารที่มีฤทธิ์เย็นที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติได้ คือ ผักบุ้ง ตำลึง ผักหวาน แตงกวา ฟัก และหัวปลี ส่วนผลไม้ควรเป็นประเภท มังคุด มะยม แตงโม แตงไทย แคนตาลูป ส้มโอ กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร กระท้อน แอปเปิล น้ำมะพร้าว และลูกพรุน เป็นต้น
3. พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการอดนอนทำให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายไม่ดีฮอร์โมนทำงานไม่ปกติ เกิดการติดขัดของเมตาโบลิซึมและส่งผลต่อด้านอารมณ์และจิตใจได้
4. เสริมสร้างจิตใจให้แข็งแรงโดยการฝึกทักษะการดูแลจิตใจเพื่อรับมือกับความเครียด โดยการฝึกผ่อนคลายจิตใจอย่างสม่ำเสมอ หยุดพักหยุดคิดเรื่องเครียดต่างๆ เพราะในแต่ละวันจะมีเรื่องเข้ามากระทบจิตใจมากมาย ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว เศร้าหมอง เครียด ไม่แจ่มใส หากอารมณ์เหล่านี้ไม่มี การระบายออกก็จะเกิดความเครียดสะสมได้ ควรหากิจกรรมสร้างสรรค์ทำ เช่น ฟังเพลง ดูหนัง เล่นกีฬา ท่องเที่ยวสถานที่ทางธรรมชาติ เที่ยวต่างจังหวัด หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
5. คอยสังเกตดูแลเอาใจใส่ตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ ว่า อยู่ในภาวะสมดุลหรือไม่ ทำอะไรเกินไป หรือขาดไปบ้าง ให้ฟังเสียงของร่างกายและจิตใจเพื่อจะได้รู้ว่าเราควรจะปรับตัวเองเพื่อให้ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาวะสมดุลอย่างไร
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืม! รักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « จุดที่ควรระวังบนถนนกาญจนวนิชย์
- ใหม่กว่า » "สหายเอ๋ย" คำสอนท่านพุทธทาส
ร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้