ความเห็น: 2
เรื่องราวของ "ปิ"
นับจากวันแรกที่เข้ามาทำงานในรั้วสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง เป็นอีกครั้งที่ได้มาอยู่ในบ้านสีบลูหลังจากจบการศึกษา เป็นความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กลับมาร่วมชายคาบ้านหลังเดิมแม้จะต่างวิทยาเขตที่เคยเรียน หลายคำมั่นที่ได้ให้ไว้แก่สถาบัน มากมายปณิธานและอุดมการณ์ในชีิวิตที่สัญญาว่าจะต้องทำพร่างพรูอยู่ในอก เริ่มวางบนแผนของการทำงาน และรากฐานของชีวิตในอนาคต พลันเสียงชายคนหนึ่ง "ขออนุญาตเข้าห้องหน่อยนะครับ" ฉันหันไปตามเสียงนั้น...
เด็กชายร่างใหญ่กำลังถอดรองเท้าอยู่หน้าห้อง ดูทุลักทุเล ก่อนจะใช้มือผลักประตูกระจกเข้ามา พลันเสียงพี่ๆในห้องทำงานร้องทักไล่ๆกัน "น้องปิ" ปิสวัสดีตอบทุกคนด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ฉันยังนั่งมองโดยไม่พูดอะไร กำลังนั่งอึ้งกับภาพเด็กผู้ชายตรงหน้า เด็กผู้ชายที่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกติดตาและติดใจ "ปิ" ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่ทุกคนหลงรักในรูปกายภายนอก ที่ฉันติดใจเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก และประทับเด็กคนนี้ในใจ คือ ด้วยสิ่งที่เด็กคนนี้ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆที่ "เขาคือคนพิการ" เพียงแค่ปิ เดินเข้ามาด้วยมนต์อะไรก็ตามแต่ ฉันสัญญากับตัวเองว่าการทำงานที่นี่อย่างน้อยสิ่งที่ฉันต้องเห็นในชีวิตการทำงาน คือ การได้เห็นเด็กคนนี้รับปริญญา เพียงไม่กี่นาทีที่ปินั่งอยู่ในห้อง เป็นเวลาที่ฉันได้ฟังและได้สัมผัสความรู้สึกดีดีมากมาย ได้เห็นอนาคต ความหวัง และความสุขของเด็กผู้ชายคนนึงที่ไม่เคยบอกตนเองว่า "ผมทำไม่ได้"
"ปิ" นายปิยะนันท์ เทพศร รหัสนักศึกษา 555011009 นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ เป็นนักศึกษาชั้นปี 1 ณ ขณะวันที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ ปิมีมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง 1 คันในการเดินทางภายในมหาลัย โดยคุณพ่อของปิเป็นผู้ทำให้เพื่อให้มีความสะดวกในการเดินทางของลูกชายระหว่างการศึกษา ปิเป็นนักศึกษาทุนโครงการเรียนดีของมหาวิทยาลัย บ่อยครั้งที่ปิจะต้องเข้าไปช่วยงานพี่ๆบุคลากรในแผนกต่างๆก็มักจะมีโทรศัพท์เข้ามาที่งานกิจการเพื่อชื่นชมเด็กคนนี้เสมอๆ "ปิไม่เคยทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระ" คำพูดจากเพื่อนคนนึงของปิ...
ในห้องทำงานขณะที่ปิ นั่งพูดคุยกับเราเป็นเวลาที่ทำให้ฉันได้ข้อคิดมากมาย มีประโยคหนึ่งของปิที่ฟังดูหนักแน่น และมุ่งมั่นในความคิดของฉัน "ผมจะเรียนให้ได้เกียรตินิยมให้ได้ครับ" ฉันนั่งยิ้มตามคำพูดของปิ คนเราทุกคนมักจะมีปัญหาในชีวิตที่ต่างกันออกไป มีอุปสรรคของตนเองที่ไม่เหมือนกัน ปิเป็นเด้กชายที่ค่อนข้างจะมีอุปสรรคมากกว่าคนทั่วไป แต่ทุกครั้งที่มองปิ ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่า "ฉันเหมือนจะมีอุปสรรคมากกว่าเด้กคนนี้เสียอีก" เพราะอะไรละ? เพราะหัวใจของปิไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองเป็นนั้นเป็นอุปสรรคในการมีชีวิต ปิทำทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป เราต่างหาก ใจเราต่างหากที่เป็นอุปสรรคให้เขา เพราะใจเราบอกว่า "เขาไม่เหมือนคนอื่น" หลายหนที่เราพิจารณาคนอื่นว่าต่างด้วยการที่เราเอาตัวเราเป็นบรรทัดฐานในการตัดสิน โดยเราลืมที่จะคำนึงไปว่าบางครั้งเราก็ได้ยัดเยียดความผิดปกติให้เขาอย่างไม่รู้ตัว
ปิกำลังจะเดินออกจากห้อง ฉันลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเปิดประตูให้ ปิบอกกับฉันว่า "ขอบคุณมากครับ ไม่เป็นไรครับ ผมเปิดได้ครับ" แล้วปิก็ผลักประตูกระจกออกไป สวมรองเท้า และเดินจากไป สิ่งที่อยู่กับฉันขณะนั้นคือความผิดปกติในจิตใจที่ครั้งนึงเคยคิดว่าคนอื่นแตกต่างด้วยการเอามาตรฐานของตนเองเป็นที่ตั้ง ปิได้สอนให้ฉันมองเห็นอะไรหลายอย่างในไม่กี่นาที ทุกวันนี้ทุกครั้งที่เจอปิ ฉันจะเพียงส่งยิ้มให้ และยืนมองชีวิตของเด็กคนนึงซึ่งเป็นกำลังใจและแรงบัลดาลใจของใครหลายๆคน ทุกเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวปิที่หลายคนได้ถ่ายทอดให้ฉันฟังย้ำชัดว่า เด็กคนนี้ไม่ต่างจากเราทุกคน
วันสุดท้ายของภาคการศึกาาก่อนปิดเทอม ปิเป็นนักศึกษาเพียงคนเดียวที่เดินมาที่ห้องกิจการและบอกฉันว่า "ปิดเทอมแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ เจอกันตอนเปิดเรียนนะครับ" ฉันรู้สึกจุกอกอีกครั้งเมื่อนึกถึงนักศึกษามากมายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ฉันไม่ได้หวังว่าจะมีนักศึกษามาบอกลากลับบ้านช่วงปิดภาคการศึกษาทุกคน แต่ฉันรู้สึกจุกอกด้วยแอบคิดในใจว่า "เห้ย เด็ก 2,800 คนในมหาลัย มีแค่เด็กพิการคนเดียวเหรอที่มาบอกลาเรากลับบ้าน" นี่ฉันใส่ความผิดปกติให้เขาอีกแล้วเหรอ? ไม่รู้ตัว...อยากกล่าวคำว่าขอโทษกับความหลงลืมตัวในทุกโอกาส
มอบบทความนี้แก่ "น้องปิ" ตอนนี้มีนักศึกษาคนหนึ่งถ่ายทำเรื่องราวของปิ ส่งไปเป็นแรงบัลดาลใจในรายการ คนค้นคน ถ้าวันนึงปิได้เป็นแรงบัลดาลใจในชีวิตของคนหลายๆคนในสังคมนี้ก็คงจะดี แต่ถึงปิจะไม่ได้ออกทีวีอย่างใครเขา ฉันก็เชื่อแน่ว่าเพียงฉันและคนที่รู้จักกับ "ปิ" ในตอนนี้คงจะมีแรงบัลดาลใจที่จะมีชีวิตไปอีกหลายวัน
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « สิ่งเล็กๆที่เก็บมายิ้ม
- ใหม่กว่า » บันทึกจากการเดินทาง...ในเมืองหลวง
25 มีนาคม 2556 11:51
#85824
ในสายตาของเรากับเขามองต่างมุมกัน เรามักจะมองว่า "ต้องช่วยเหลือ" แต่ในมุมมองของเขาคือ "ยืนด้วยตนเอง" เป็นเรื่องของการแสดง "คุณค่า" ของตนเอง
มีอีกประเด็นที่น่าสนใจนะครับ
คือเรื่องของ ethical หรือ confidential ที่อาจจะต้องคิดรอบคอบสักนิดในประเด็นการนำเสนอข้อมูลส่วนบุคคล คนใดคนหนึ่ง เช่นการนำเสนอข้อมูล ชื่อ สกุล รหัสนักศึกษา คณะฯ ชั้นปี ที่เจาะจงมากเกินไป อาจจะไม่เหมาะสำหรับการเผยแพร่ในที่สาธารณะ โดยมิใช่การนำเสนอข้อมูลจากเจ้าตัวเอง
ความเห็นส่วนตัวน่ะครับ
^_*
เราเอง