ความเห็น: 0
การขอพระราชทานเพลิงศพ(ตอนที่ 1)
เรื่องเล่าของ ผช.ปริญญา อรุณวิสุทธิ์ นำมาเป็นประสบการณ์แบ่งปันกันค่ะ
ท่านเขียนในโอกาส สื่อสารถึงกันในกลุ่ม รองคณบดี ผู้ช่วยอธิการบดี ที่ทำ Loopmail ไว้เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
.................................................................................
ผมขอรายงานตัวหลังจากกลับจากจัดงานศพคุณแม่ที่ จ.บุรีรัมย์
(พระราชทานเพลิงศพกรณีพิเศษ เมื่อ 12 เม.ย.2555)
คุณแม่ป่วยเป็นโรค "ไตวายเรื้อรัง" ฟอกไตอยู่ประมาณ 2 ปี เสียชีวิตเมื่อ 6 เม.ย.55 ช่วงก่อนหน้านี้ผมเดินทางไปดูแลคุณแม่ที่ รพ.บุรีรัมย์ (ฉุกเฉินระยะสุดท้าย) ผมดูแลคุณแม่ได้ 10 วัน ก็กลับมาหาดใหญ่ก่อนเพื่อเตรียมการทำเรื่องพระราชทานเพลิงศพ
"การขอพระราชทานเพลิงศพ" ในมหาวิทยาลัยเราดูแลโดย งานทะเบียนประวัติ กองการเจ้าหน้าที่ ดูแลให้กับบุคลากร ที่ประสงค์จะขอเพื่อ เป็นเกียรติต่อผู้ล่วงลับ
ผมได้ติดต่อ "คุณสารภี รัตนพงศ์" กจ. ก่อนที่คุณแม่จะเสียชีวิตเพื่อทราบรายละเอียดและขั้นตอนคร่าวๆ ไว้ก่อน เมื่อทราบข่าวคุณแม่เสียชีวิต ผมออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อม ภรรยา
ในขณะที่เดินทางได้ติดต่อเรื่องกับ "คุณสารภี" ตลอดช่วงวันหยุด ทางคุณสารภี ได้อำนวยความสะดวกในการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องในการเตรียมหลักฐานต่างๆเพื่อยื่นกับ กรมพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ซึ่งมีเวลาให้ดำเนินการเพียง 3 วันทำการเท่านั้น (10,11,12 เมย.) เอกสารต่างๆพร้อมยกเว้นมรณะบัตรซึ่งทาง รพ.จะออกใบรับรองการตายของคุณแม่และต้องไปออกมรณะบัตรที่เทศบาลกว่าจะได้มรณะบัตรประมาณบ่ายโมงของวันที่
10 เม.ย. ผมต้องรีบส่งโทรสาร ไปให้หน่วยประสานงาน ได้รับแจ้งว่าวันที่ 10 เม.ย.ทางเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังติด งานราชพิธี ก็คงเหลืออยู่เพียง 1 วันเท่านั้นคือวันที่ 11 เมย.ที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ
ผมกับน้องชายขับรถจาก จ.บุรีรัมย์ตั้งแต่ตี 5 (ไม่มีรถให้เหมาระยะทางประมาณ 400 กม.) ถึง กทม.ประมาณ 10 โมงนัดเจอผู้ประสานงานที่สำนักราชวังก่อนเที่ยงเล็กน้อยจึงได้หีบเพลิง จากนั้นจึงแวะเอาของที่ระลึกงานศพและพร้อมรับลูกชายที่มาจากมาเลย์และหลานสาวกลับไปบุรีรัมย์ ถึงบ้านประมาณ เที่ยงคืน
ในส่วนพิธีการ ผมจะนำเล่าให้ฟังอย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ ถ่ายทอดระหว่างกันครับ ผมได้เรียนรู้หลายอย่างจากการจัดงานศพของคุณแม่...
งานที่กระชั้นชิดและเกิดขึ้นกระทันหัน มีเวลาให้จำกัดท่ามกลางความสับสนและโศกเศร้าอาศัยจิตที่มุ่งมั่นมีความรักและศรัทธาจิตนิ่งเป็นสมาธิและเกิดปัญญาที่จะดำเนินการ..เหลือเพียงหน้าที่ ที่จะต้องทำให้ได้และสำเร็จเพื่อคนที่เราเคารพรัก...
เนื่องจากคุณแม่อยู่ในสังคมชนบทมีเชื้อสายจีนแล้วยังต้องจัดให้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพอีกด้วย งานที่จัดจึงต้องบูรณาการกับความหลากหลายวัฒนธรรม..
งานศพจัดที่บ้านพี่ชาย
นำศพไปเผาที่อีกหมู่บ้าน (ที่คุณแม่เคยอยู่ ห่างประมาณ 5 กม.) ต่างจากการจัดในตัวเมืองซึ่งมี ทางวัดเป็นผู้ดำเนินการให้...ลูกๆแต่ละคนซึ่งต่างก็มีธุรกิจหรืออาชีพอยู่ที่ต่างอำเภอ (โชคดีที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.บุรีรัมย์)ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ต่างๆ แต่ละคนก็ไปหาลูกทีม....
ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลงานพระราชทานเพลิงศพ รวมถึงหนังสือที่ระลึก ยอมรับว่าผมไม่เคยไปร่วมงานลักษณะเช่นนี้และแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่จะต้องทำหน้าที่นี้...
ผมเริ่มต้นโดยการศึกษาว่าใครบ้างเคยทำและเคยทำอย่างไร..ถามผู้รู้
ถาม ใน google...
โดยทั่วไปแล้วหากมีเวลาพอ จะมีเจ้าหน้าที่อำเภอหรือคณะครูเค้าจะเป็นแม่งานให้แต่ด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์ จึงหาได้ไม่ง่ายนัก....
มองอีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้โดยหลักๆแล้วหลังจากได้หีบเพลิงฯ จะต้องมีทีมอัญเชิญหีบเพลิงฯ(ข้าราชการแต่งปกติขาวไว้ทุกข์อย่างน้อย 3 คน แต่วันนั้นมีผู้ร่วม 9 คน)จากบ้านเจ้าภาพหรือสถานที่ราชการ (ผมเลือกที่ทำการ อบต.) เพื่อให้ดูดีและสมเกียรติในโอกาสนั้นได้ขอให้มีรถจากตำรวจนำขบวนจาก อบต.ไปยังวัด (หลานเขยเป็นตำรวจท้องที่) ในงานจะต้องมีพิธีกร(ได้รับความอนุเคราะห์จากครูของลูกพี่ชาย ผมมารู้ภายหลังว่าพิธีกรท่านนี้เคยรับจัดงานเช่นนี้ คุณครูเล่าให้ฟังว่า
การจัดงานพิธีการเช่นนี้ถ้าให้มืออาชีพ...มีอาชีพจัดงาน...จัดแบบครบวงจรก็ต้องจ่ายหลายหมื่นบาท....????)
เมื่อรถนำหีบเพลิงไปถึงบริเวณวัดจะต้องมีข้าราชการแต่งปกติขาวใว้ทุกข์รวมทั้งญาติๆและผู้ร่วมงานยืนต้อนรับ นับเป็นเกียรติแด่คุณแม่และเป็นการถวายพระเกียรติ (โชคดีที่มีเครือญาติที่รับราชการการและคณะครูในหมู่บ้านพร้อมใจกันมาร่วมงานฝ่ายต้อนรับประมาณ 15 คนรวมตัวผมด้วย)
ขั้นตอนต่างๆจะมีกำกับไว้ให้จากคำแนะนำของพระราชวังแนบมากับหีบเพลิง...วันนั้นมีนายอำเภอเป็นประธานในพิธี พิธีสงฆ์เริ่มก่อนในช่วง 13 นาฬิกา จนกระทั่งถึง16.00 น.จึงมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ...
หลังจากส่งคุณแม่ไปสู่สุคติแล้ว ลูกๆกลับพร้อมกระถางธูป รูปถ่าย ตะเกียง (พิธีจีน) นำไปที่บ้านพี่ชาย...รอรุ่งเช้าจึงกลับมาทำพิธีเก็บอัฐิที่วัด(พิธีไทย)...
แล้วผมจะเล่าให้ฟังต่อเป็นตอนสุดท้ายว่าผมได้เรียนรู้อะไรบ้างจากพิธีเก็บอัฐิ
โปรดติดตามนะครับ ..
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « เทศกาลเล่าเรื่องของรัก ของหวง..
- ใหม่กว่า » เจ้านายในชีวิตจริง
ร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้