ความเห็น: 1
การป้องกันและรักษา(หน้ากรีด)ยางพาราเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนชุก ตอนที่ 6
ต่อจากตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4 และตอนที่ 5 นะคะ
โรคลำต้นยางชำถุงเน่า (Twig rot of polybagrubber)
พบระบาดในแปลงเพาะชำยางชำถุง โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก ทำให้ต้นยางชำถุงตายอย่างรวดเร็ว
สาเหตุของโรคลำต้นยางชำถุงเน่า
เกิดจากเชื้อรา Phytophthora nicotianoe Van Breda de Haan var. parasitica (Dastur) Waterhouse. P. palmivora (Butl.) Butl.
ลักษณะอาการของโรคลำต้นยางชำถุงเน่า
เชื้อราทำลายกิ่งแขนงที่แตกออกจากตาของยางพันธุ์ดี เกิดรอยแผลสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำช้ำเป็นรูปยาวรีไปตามความยาวของลำต้น และขยายลุกลามไปรอบต้น ทำให้กิ่งแขนงเหี่ยวแห้งตาย
การแพร่ระบาดของโรคลำต้นยางชำถุงเน่า
ระบาดรุนแรงในช่วงที่มีฝนตกชุก และมีความชื้นในอากาศสูง แปลงเพาะชำ ยางชำถุงที่มีการจัดวางถุงซ้อนกันหลายแถว หรือแปลงที่มีการให้น้ำแบบสปริงเกอร์ จะเกิดการะบาดของโรคได้ง่าย
การป้องกันกำจัดโรคลำต้นยางชำถุงเน่า
- ไม่ควรนำดินชำถุงหรือดินบริเวณที่เคยมีการระบาดของโรคมาใช้ซ้ำ
- ปรับสภาพเรือนเพาะชำยางชำถุงไม่ให้แน่นทึบเกินไป อากาศถ่ายเทสะดวก
- ถ้าพบต้นยางเป็นโรคให้ตัดส่วนที่เป็นโรคออกหรือแยกออกจากแปลงและทำลาย
- กรณีพบโรคระบาดใช้สารเคมีฉีดพ่นเพื่อควบคุมโรค
- ไดเมโธมอร์ฟ(dimethomorph) ที่พบและมีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น ฟอรัม 50% WP โดยใช้ในอัตรา 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบนต้นยางชำถุง ทุก 5-7 วัน
- ไซมอกซานิล+แมนโคเชบ(cymoxanil+mancozeb) ที่พบและมีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น เคอร์เซท เอ็ม 72% WP โดยใช้ในอัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- เมทาแลกซิล(metalaxyl) ที่พบและมีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น เมทาแลกซิล 25% WP โดยใช้ในอัตรา 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
************************************************************
โรครากน้ำตาล (Brown root disease)
มักพบกับต้นยางที่หักโค่น อาการของต้นยางที่เป็นโรครากน้ำตาล ถ้าสังเกตจากทรงพุ่มจะมีลักษณะเหมือนกับโรครากขาวและโรครากแดง
สาเหตุของโรครากน้ำตาล
เกิดจากเชื้อรา Phellinus noxius (Comer) G.H. Cunn.
ลักษณะอาการของโรครากน้ำตาล
รากที่ถูกทำลาย จะปรากฏเส้นใยสีน้ำตาลปนเหลือง เป็นขุยเหมือนกำมะหยี่ ปกคลุมผิวรากและเกาะยึดดินทรายไว้ ทำให้รากมีลักษณะขรุขระ เส้นใยเมื่อแก่จะเป็นแผ่นสีน้ำตาลดำ เนื้อไม้ที่เป็นโรคในระยะแรกจะเป็นสีน้ำตาลซีด ต่อมาจะปรากฏเส้นสีน้ำตาลเป็นเส้นเดี่ยวลายสลับฟันปลาอยู่ในเนื้อไม้ รากที่เป็นโรคมานาน เมื่อตัดตามขวางจะเห็นสายเส้นใยที่แทรกในเนื้อไม้มีลักษณะคล้ายรวงผึ้ง เนื้อไม้จะเบาและแห้ง ดอกเห็ดจะเป็นแผ่นหนาและแข็ง ลักษณะครึ่งวงกลม ขนาดค่อนข้างเล็ก ผิวด้านบนเป็นรอยย่นเป็นวงสีน้ำตาลเข้ม ผิวด้านล่างเป็นสีเทา
การแพร่ระบาดของโรครากน้ำตาล
ระบาดรวดเร็วในช่วงฤดูฝนซึ่งมีฝนตกชุก ความชื้นสูง
พืชอาศัยของเชื้อโรครากน้ำตาล
ทุเรียน มังคุด ลองกอง สละ สะเดาบ้าน มะฮอกกานี สัก ปาล์มน้ำมัน โกโก้ ส้ม กาแฟ เงาะ
การป้องกันกำจัดโรครากน้ำตาล
- เตรียมพื้นที่ปลูกให้ปลอดโรค โดยการขุดทำลายตอยางเก่า ซึ่งเป็นแหล่งสะสมโรคออกให้หมด
- ในแหล่งที่มีโรคระบาด หลังการเตรียมดินควรปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่วเพื่อปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชและจุลินทรีย์ในดินบางชนิดที่เป็นพิษต่อเชื้อราสาเหตุโรคราก
- หลังจากปลูกยางไปแล้ว 1 ปี ควรตรวจค้นหาต้นยางที่เป็นโรครากเป็นประจำ เมื่อพบต้นเป็นโรค ควรขุดทำลายและรักษาต้นข้างเคียงโดยการใช้สารเคมี
- ต้นยางที่มีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป ควรขุดคูล้อมบริเวณต้นเป็นโรค (ขนาดคูกว้าง 30 ซม. ลึก 60 ซม. ) เพื่อกั้นระหว่างต้นที่เป็นโรคและต้นปกติ ไม่ให้รากสัมผัสกัน
- ไม่ควรปลูกพืชร่วม หรือพืชแซมที่เป็นพืชอาศัยในพื้นที่ที่เป็นโรคราก
- ใช้สารเคมีสำหรับรักษาต้นที่เป็นโรคเพียงเล็กน้อย และใช้กับต้นข้างเคียงเพื่อป้องกันโรค โดยขุดร่องเล็กๆ รอบโคนต้นกว้าง 15-20 ซม. เทสารเคมีลงในร่องรอบโคนต้น ใช้สาร เคมีทุก 6 เดือน เป็นเวลา 2 ปี สารเคมีที่แนะนำ คือ
- ไตรเดอร์มอร์ฟ(tridemorph) ที่พบและมีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น คาลิกซิน 75% EC โดยใช้ในอัตรา 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 1-2 ลิตรต่อต้น
*****************************************************************
ขอบคุณที่ติดตามจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ อย่าลืมนำไปถ่ายทอดต่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางได้ใช้ประโยชน์กันด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « การป้องกันและรักษา(หน้ากรีด)ยางพ...
- ใหม่กว่า » ทะลายปาล์ม...ใครกำหนดราคา?
24 ตุลาคม 2557 14:38
#100422
น่าจะใส่ที่มาไว้สักนิดนะครับ
คัดมาจากวารสารเล่มไหนบ้าง เผื่อมีคนจะนำไปใช้อ้างอิงได้ไปหาต้นฉบับได้ง่ายขึ้น
อิอิอิ
เราเอง