สติในการทำงานให้สำเร็จในชีวิตการทำงาน๑ : หลักคิดและทิศทาง

ในชีวิตการทำงานของแต่ละคน ทำไมจึงมีความสำเร็จไม่เหมือนกัน  หลายคนทำงานในสภาพแวดล้อมเดียวกัน หน้าที่เดียวกัน หากได้มองเข้าถึงพฤติกรรมการทำงานของแต่ละคนก็น่าจะพบว่าทำไมจึงมีความสำเร็จต่างกัน

 สิ่งที่ทำให้การทำงานสำเร็จคือการทำงานอย่างมีสติ คือ การรู้ตัว รู้กำลังทำอะไร เพื่ออะไร ความสำเร็จของงานคืออะไร พฤติกรรมที่ทำนั้น นำไปสู่ความสำเร็จหรือไม่  การทำงานให้เสร็จไปแต่ละชิ้น แต่ละวัน โดยไม่มีข้อบกพร่อง มีความผิดพลาดบ้างที่เป็นที่รับได้ เช่นนี้เรียกว่า ทำงานเสร็จ แต่มักไม่สำเร็จในชีวิตการทำงาน  ความสำเร็จในชิวิตการทำงานนั้น ต้องทำงานให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น มีบริการใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ที่คิดปรับปรุงขึ้นมา ที่สำคัญต้องมีค่ามากขึ้น และต้องเป็นค่าที่เป็นมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่มูลค่าที่เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะหากเป็นเช่นนั้น หากทำธุรกิจก็เจ้งแน่ ๆ  

มูลค่าเพิ่ม ดูจาก ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย เวลา แรงงาน ข้อผิดพลาด ทำงานทันเวลา และ/หรือเพิ่มผลิตภาพ ความสะดวก ความรวดเร็ว ทั้งหมดด้วยต้นทุนเท่าเดิม หรือเพิ่มต้นทุนแต่ต้องมีกำไรเพิ่มมากกว่า เรียกว่าต้องทำงานหาเงิน ไม่ใช่ใช้เงินทำงาน เพราะส่วนหลังนี้ใคร ๆ ก็ทำได้แต่ไม่น่าจะเรียกว่าทำงานสำเร็จ  จะสำเร็จได้ยังไง ยิ่งทำยิ่งขาดทุน แต่อาจดีหากมองด้านลูกค้า หากใครมาขายของที่มีต้นทุนสิบบาท ในราคาห้าบาท  

ดังนั้น สติการทำงาน = สมาธิการทำงาน + เป้าหมายความสำเร็จ 

สมาธิ คือความมุ่งมั่นอยู่กับสิ่งที่ทำ จดจ่อกับงานที่ทำ นอกจากรู้ว่าทำอย่างไรแล้ว ต้องรู้ว่าที่ทำอยู่นั้นจะสำเร็จหรือไม่ เมื่อไร มีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ มีวิธีอื่นที่ทำให้ดีกว่านี้หรือไม่ เรียกว่าทำไปคิดไป ซึ่งช่วยไห้ไม่วอกแวกออกไปนอกกรอบของงานที่ทำ ไม่ว่าจะมีอะไรมารบกวน อีกทั้งจะทำให้สนุกกับงาน  หากทำได้ รับรองว่าไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นที่มากวนใจ หลายคนที่ทำงานแล้วรู้ว่ามีสิ่งกวนใจมากมาย แสดงว่าขาดสมาธิ คิดฟุ้งซ่าน หวาดระแวง สุดท้ายก็โทษโน่นโทษนี่ไปเรื่อย บ่นไปจนไม่มีใครฟัง เพราะไม่ช่วยให้ใครไปสู่ความสำเร็จเท่าการลงมือทำ  

การมีสมาธิดี ก็ไม่สามารถไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการทำงานได้ หากไม่มีการวางเป้าหมาย เหมือนการขับรถดี ไม่มีชน แต่ไม่มีเป้าหมายว่าจะไปไหน ชีวิตย่อมสับสน นั่งบ่นว่าไม่ก้าวหน้า พร่ำบอกว่าช่วยพาให้ไปที่ก้าวหน้า แต่ตนเองไม่รู้ก็ไม่เรียกว่าก้าวหน้าเพราะพอถูกพาไปถึงจุดนั้นที่คนอื่นทำให้กลับทุกข์มากขึ้น ความสำเร็จในชีวิตคงไม่ใช่อยู่อย่างมีความทุกข์  

ดังนั้น การตั้งเป้าหมายก็ต้องมีสติการกับตั้ง ด้วยการสำรวจตัวเองว่า ตัวเองมีความสามารถอะไร ชอบทำอะไร ทำแล้วให้ประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ส่วนรวม ทำแล้วไม่เบียดเบียนผู้อื่นตนเองและครอบครัว ทำแล้วไม่มีผลทางลบต่อสภาพแวดล้อมทำแล้วมีความสุขทั้งตนเองและผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือทำแล้วคนอื่นได้รับประโยชน์ มีความสุข แล้วตนเองมีความสุขกับสิ่งที่ทำนั้น เรียกว่าทำแล้วได้บุญ เหมือนกับทุกครั้งที่ทำข้าวของไปทำบุญตักบาตรเสร็จแล้วก็ยิ้มย่องผ่องใส ซึ่งการทำงานก็เป็นการทำบุญไปด้วยเช่นกัน